เมื่อปรัชญาของ Dewey นำมาพัฒนาต่อที่ Black Mountain College พื้นที่ทดลองการศึกษาซึ่ง Rice เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาเป็นศิลปินได้วางรากฐานไว้อย่างดี จากนั้นเขาได้ติดต่อประสานงานเพื่อเชิญ Josef Albers ซึ่งต้องลี้ภัยทางการเมืองจากเบาเฮาส์ ประเทศเยอรมนี มาพำนักเป็นศิลปินและผู้สอนประจำ ตลอดจนวางรากฐานหลักสูตรศิลปะและการออกแบบคนแรกของสถาบันแห่งนี้
Josef Albers (1888–1976) จบการศึกษาจากสถาบันเบาเฮาส์ในปี ค.ศ. 1923 และเป็นอาจารย์ผู้ช่วยสอนจากนั้นมา จนในปี ค.ศ. 1925 Walter Gropius มอบวิทยฐานะแก่ Albers ในฐานะมาสเตอร์รุ่นใหม่ของเบาเฮาส์และในปีเดียวกันนั้นเขาแต่งงานกับ Anneliese (Anni) Fleischmann (1899–1994) นักศึกษาที่เบาเฮาส์
ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1933 Josef Albers และภรรยาของเขา Anni Albers เดินทางโดยเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสู่ Black Mountain College เมือง Asheville รัฐ North Carolina ซึ่งทั้งสองได้กลายเป็นกำลังหลักในงานสอนของสถาบันจนถึงปี ค.ศ. 1949
Josef Albers & Anni Albers at BMC
เมื่อ Albers เดินทางมาถึง Black Mountain College นักศึกษาที่รอต้อนรับถามขึ้นว่า “คุณจะสอนอะไรพวกเรา” Albers ตอบว่า ” Albers ตอบว่า “ทูโอเพ่นอายส์” (to open eyes)” นี้คือเป้าหมายความเป็นครูของเขา และหัวใจการเรียนการสอนของ Albers อยู่ที่ การสอนในการรับรู้ (teaching of perception) โดยเฉพาะการรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างธาตุทัศนะต่าง ๆ ในสนามทัศน์ (visual field)
ส่วนช่วงฤดูหนาวนั้น Bucky Fuller สอนและบรรยายที่ Institute of Design ที่ชิคาโกซึ่งเขาพำนักและร่วมงานกับนักศึกษาจาก Black Mountain College สองคนได้แก่ Warren Outten Mary และ Phelan Outten ที่ติดตามไป
การศึกษาภาคฤดูร้อนที่ Black Mountain College เปิดโอกาส Bucky Fuller ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ครั้งแรกในชีวิต เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ขับเคลื่อนวิชาชีพของเขาในเวลาต่อมา และทำให้มีเวลาย้อนกลับไปพัฒนาฉากทัศน์ของโลกกับเทคโนโลยีด้วยโครงสร้างทางคณิตศาสตร์ของ geodesics หลังจากประสบความสำเร็จในการทำแผ่นคลี่แผนที่โลก หรือที่เรียกว่า Dymaxion World Map ในปี ค.ศ. 1946
ในวิชาของ Bucky Fuller มักมีผู้เข้าร่วมล้นชั้นเรียน ทั้งที่นักศึกษาลงทะเบียนเพียง 4 คนเท่านั้น และต่อมานักศึกษาทั้ง 4 ได้เป็นสถาปนิกและนักออกแบบและก่อสร้างที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Albert Lanier, Lu Lubroth, Warren Outten และ Paul Williams ส่วน Kenneth Snelson (1927 –2016) เด็กหนุ่มจาก Oregon นักศึกษาอีกคนที่ติดตาม Bucky แต่ไม่ได้ลงทะเบียนวิชาสถาปัตย์ เขากลายเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในเวลาต่อมาเช่นกัน
Public sculpture: Kenneth Snelson
ไม่เฉพาะนักศึกษาจากวิชาอื่น ๆ เท่านั้นที่ชอบเข้าฟังบรรยายของ Bucky Fuller บรรดาผู้สอนและผู้ช่วยสอนก็ยังเข้าร่วมชั้นด้วย โครงการภาคฤดูร้อนที่ Black Mountain College ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการเชื้อเชิญศิลปิน นักคิด นักดนตรี หลากหลายเข้ามาทำโครงการร่วมกับนักศึกษา
ครั้งหนึ่ง Bucky Fuller ได้ร่วมแสดงละครเรื่อง Baron Medusa โดย Arthur Penn (1922 –2010) นักศึกษาในเวลานั้นเป็นผู้กำกับ นอกจาก Bucky Fuller แล้วหลักสูตรภาคฤดูร้อนยังได้ John Cage (1912–1992) นักประพันธ์เพลง นักทฤษฏีทางดนตรีและศิลปินผู้มาก่อนกาล ผู้บุกเบิกเปิดพื้นที่และการตีความในดนตรี
Merce Cunningham (1919 –2009) นักเต้นผู้ชื่นชอบการทำงานร่วมกับศิลปินและการข้ามศาสตร์ร่วมกับ John Cage, David Tudor, Brian Eno, Robert Rauschenberg, Bruce Nauman, Andy Warhol, Roy Lichtenstein, Frank Stella, and Jasper Johns และเป็นผู้ก่อตั้ง Merce Cunningham Dance Company ในปี ค.ศ. 1953
Edgar Kaufmann Jr., (1910 –1989) ผู้อำนวยการแผนกออกแบบอุตสาหกรรมที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (MOMA) นิวยอร์คเวลานั้น และโปรเฟสเซอร์ด้านสถาปัตย์และประวัติศาสตร์ศิลปะจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
Willem de Kooning (1904 –1997) ศิลปินจาก New York ผู้ได้ชื่อว่าศิลปินแนวหน้าใน Abstract Expressionist มีช่วงเวลาที่พิเศษสุดในการพัฒนาผลงานของตนระหว่างพำนักและสอนอยู่ที่ Black Mountain College และผลงานชิ้นนั้นได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ(Turning point) ของKooning
ผลงานชิ้นที่ Willem de Kooning สร้างขึ้นระหว่างพำนักที่ Black Mountain College ปีค.ศ. 1948.
ในโครงการภาคฤดูร้อนปีต่อมา (1949) Bucky Fuller ได้ชวนเพื่อนอาจารย์จากชิคาโก ได้แก่ Emerson และ Diana Woelffer, John และ Jano Walley มาร่วมโครงการฯ และนาฏศิลปินจากอินเดียสองคนคือ Vashi และ Praveena ผู้เป็นภรรยา ซึ่งได้รับทุนศึกษาวิจัยที่มหาวิยาลัยชิคาโก มาสอนในวิชาเต้นรำภาคฤดูร้อนที่ Black Mountain College อีกด้วย
John Cage, Merce Cunningham, Elaine de Kooning, Robert Rosenberg at BMC
มิตรภาพความสัมพันธ์ของเหล่าคณาจารย์ผู้สอนและนักศึกษาในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1949 มีส่วนร่วมสำคัญในการพัฒนา โครงการจีโอเดสิกโดม ของ Bucky Fuller จนประสบผลสำเร็จในที่สุด หลายคนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น John Cage, Merce Cunningham, Ruth Asawa, Theodore และภรรยา Barbara Dreier และ Josef กับ Anni Albers ร่วมกับภาควิชาฯ
Chapter: VII
ปัจจุบันแนวทางการศึกษาแบบก้าวหน้าของ Black Mountain College ได้กลายเป็นต้นแบบความคิดที่ท้าทายระบบการศึกษาทัศนศิลป์แบบประเพณีนิยม ซึ่งพัฒนาขึ้นหลังยุคสงครามโลกครั้งที่สอง (post war education) แม้ทุกวันนี้ข้อเรียกร้องต่อแนวทางการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของไทยยังไปไม่ถึงไหน
1688 Revolution of Siam, E. W. Hutchinson, 1940-1957 สำนักพิมพ์ White Lotus ยกบางกอกให้ฝรั่งเศส เบื้องหลังการตัดสินพระทัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช, เกริกฤทธิ์ เชื้อมงคล, 2561, สำนักพิมพ์ สยามความรู้
บางกอกหลอกชั้น (Bangkok Layers) คือ ชื่อนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Topography of Mirror Cities บริหารและดำเนินโครงการฯโดย Sandy Hsiu-chih Lo ภัณฑารักษ์กลาง (Chief Curator) จากประเทศไต้หวัน โดยทุนสนับสนุนจาก National Culture and Arts Foundation กระทรวงวัฒนธรรม รัฐบาลไต้หวัน
Lo ได้เชื้อเชิญภัณฑารักษ์จาก 6 ประเทศร่วมนำเสนอภาพสะท้อนของสถานที่ในแต่ละเมืองสำคัญในภูมิภาค ให้กลายเป็นพื้นที่ของการศึกษาผ่านสนามทางทัศนศิลป์และรูปแบบนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย โดยมีภัณฑารักษ์จาก 6 ประเทศนำเสนอภาพสะท้อนในบริบทที่แตกต่างกันไปตามแต่ละนคร
ภัณฑารักษ์ทั้ง 6 ประกอบ ด้วย Lian Heng Yoehประเทศมาเลเชีย นำเสนอโครงการ History-Community-Identityที่กรุงกัวลาลัมเปอร์, Vuth Lyno, Pen Sereypagnaประเทศกัมพูชา นำเสนอโครงการ Geo-bodyที่กรุงพนมเปญ , Ade Darmawanประเทศอินโดนีเชีย นำเสนอโครงการ Mass Rapid Mobilityที่กรุงจาการ์ตา, Mahbubur Rahmanประเทศบังกลาเทศ นำเสนอโครงการ City of the Bookที่กรุงธากาและManray Hsuสาธารณรัฐไต้หวัน นำเสนอโครงการ Herbal Urbanismที่กรุงไทเป และ Jiandyin ประเทศไทย นำเสนอโครงการบางกอกหลอกชั้น (Bangkok Layers)ที่กรุงเทพฯ
วาทกรรมดังกล่าวสามารถชี้นำให้เราเข้าถึงชุดความหมายนั้นๆได้[1] ฟูโกต์ได้ขยายความแนวคิดเรื่องนี้อย่างละเอียดในหนังสือ The Order of Things: An Archeology of the Human Sciences (ถ้อยคำกับสรรพสิ่ง: โบราณคดีแห่งศาสตร์ที่ว่าด้วยมนุษย์) ซึ่งนำเสนอแนวคิดในการขุดค้นและสำรวจลึกลงไปในเอกสารชั้นต่างๆ
The Order of Things: An Archeology of the Human Sciences
โดยให้ความสำคัญแก่การขุดค้นและทำความเข้าใจต่อบริบททางประวัติศาสตร์แบบจำเฉพาะ (history as a single collective narrative) จะสามารถเชื่อมโยงตัวเราจากอดีตสู่กรอบความรู้ของปัจจุบันได้หรือไม่
Place today is taken to mean a combination of experiences, memories and other living interactions that include humans relative to spaces – Tim Cresswell
โดยมีรากฐานความจริงประกอบสร้างขึ้น และด้วยแนวคิดดังกล่าว Lo ให้ข้อสรุปถึงความสำคัญของสถานที่ในฐานะเป็นหนทางในการมองเห็น การสร้างความรู้และการทำความเข้าใจต่อโลกที่แวดล้อมเราอยู่
หากพิจารณาสถานที่หรือเทศะในลักษณะสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ ที่มีส่วนทำให้มนุษย์สามารถสื่อสารถึงกันและบ่งบอกว่าตนเองเป็นใคร ซึ่ง Casey D. Allen และ John Agnew ระบุในหนังสือเรื่อง Humanistic Geography และ Space and Place โดยอธิบายว่า “ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มนุษย์ต่างมีชีวิตในแบบของตัวเองที่สัมพันธ์กับถิ่นที่อยู่นั้น” [9]
เป็นที่น่าแปลกใจและออกจะขบขันอยู่ไม่น้อย เมื่อแรกสังเกตเห็นถุงขนมกรุบกรอบยี่ห้อหนึ่งที่วางอยู่กับชุดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กำลังทำการอันแพคในบริเวณที่ผู้เขียนกำลังติดตั้งผลงานซึ่งมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องไฟฟ้าเช่นกัน ภายใน National Taiwan Museum of Fine Art พิพิธภัณฑ์ด้านศิลปะร่วมสมัยแห่งชาติที่มีชื่อเสียงและทันสมัยแห่งหนึ่งในไต้หวัน
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้นคือชิ้นส่วนประกอบต่างๆ ที่สำคัญสำหรับใช้ในการประกอบติดตั้งผลงาน New Media ของศิลปินไทย กรกฤต อรุณานนท์ชัย ผู้มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติพำนักและทำงานอยู่ที่นิวยอร์กและกรุงเทพฯ ผลงานชุดที่ว่านี้เป็นผลงานที่ขนส่งทางเครื่องบินตรงมาจากนิวยอร์ก โดยที่ตัวศิลปินติดภารกิจไม่สามารถมาติดตั้งผลงานได้ด้วยตนเอง
Gen X และ Gen Y-Z ต่างมีความเชื่อที่ต่างกันในด้านรูปแบบและเนื้อหา ส่งผลให้เครื่องยึดเหนี่ยวที่เสริมส่งกำลังใจของ Gen Y-Z ต่างไปจากรุ่น Gen X โดยสิ้นเชิง แม้พวกคน Gen X หัวเก่าอนุรักษ์นิยมจะรังเกลียดชิงชังคนรุ่นใหม่อย่างไร แต่นั้นก็มิได้หมายความว่าพวกเขาล้มล้างความเชื่อดั้งเดิมหรือปฏิเสธความหมายเชิงวัฒนธรรมให้โง่เง่าล้าหลัง
เมืองบางกอกยังปรากฏบันทึกคำบอกเล่าในหนังสือ พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวันวลิต พ.ศ. 2182 (Chronicles of the Ayuthian Dynasty: Jeremias van Vliet, ผู้จัดการสถานีการค้าบริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดาที่กรุงศรีอยุธยาระหว่างปี พ.ศ. 2176-2199)
ภาพซ้าย ผู้ว่าการเมืองบางกอก Chevalier de Forbin (1656 – 1733) วราวุธ ศรีโสภาค 1685–1688, สีน้ำมัน, 70×60 cm. ภาพขวา Portrait of Claude de Forbin by Antoine Graincourt, 18th century
ปัจจุบันมีผู้ที่ให้ความสนใจศึกษา parallel universe (จักรวาลขนาน) อย่างจริงจังท่านหนึ่งคือ Brian Greene (b.1963-) ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ทฤษฏี (theoretical physicist) นักคณิตศาสตร์(mathematician)และ นักทฤษฎีสตริง(string theorist) แห่งมหาวิยาลัย Columbia University, New York
The Hidden Reality: Parallel Universes and the Deep Laws of the Cosmos
เมื่อพูดถึงนักฟิสิกส์ทฤษฏี โดยมากหลายๆคนรู้จักพวกเขาพอสมควร คือเมื่อเอ่ยชื่อขึ้นมาทุกคนต้องร้องอ๋อ… ตัวอย่าง 3 ท่าน เช่น Galileo Galilei (b.1564 – 1642) ใครชอบกินแอปเปิ้ลน่าจะรู้จักคนนี้ Isaac Newton (b.1643- 1727) และคนนี้สุดติ่งทุกคนรู้จักดีในภาพชายสูงวัยผมเผ้ากระเซิงและผูกเชือกรองเท้าไม่เป็น Albert Einstein (b.1879- 1955) ซึ่งลักษณะเช่นนี้พวกนักศึกษาศิลปะเรียกว่า “เซอร์”
เราลองมาดูกันว่าทำไมนักฟิสิกส์ทฤษฏีจึงโหยหา Imagination กับคำกล่าวที่ว่า“จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” วลีทองของ Einstein ได้ถูกบิดเบือนตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาโดยเฉพาะกับระบบการศึกษาด้านทัศน์ศิลป์ในประเทศไทย
Parallel // ขนาน ในผลงาน Art/Life One year performance 1983-84 (Rope Piece) เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ผลงานชิ้นนี้สมาสพื้นที่ทางศิลปะและพื้นที่ชีวิตของเส้นขนานให้มาบรรจบกันที่ Vanishing Point